การเตรียมความพร้อมสู่การเป็นหัวหน้างาน supervisory skill

การพัฒนาทักษะหัวหน้างาน supervisory skill

Supervisory skill หมายถึง ทักษะหรือความสามารถในการเป็นผู้กำกับหรือหัวหน้างานที่มีความรับผิดชอบในการนำและกำหนดงานให้กับทีมหรือพนักงานในองค์กรหรือที่ทำงาน ซึ่งองค์ประกอบหลักของ supervisory skill ประกอบไปด้วย:

  1. การสื่อสาร  การเป็นหัวหน้าที่ดี ต้องมีการสื่อสารที่มีความชัดเจน และมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยสามารถสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในเรื่องของข้อมูลงาน และการสร้างความเข้าใจและสัมพันธ์ที่ดีกับสมาชิกในทีม

  2. การบริหารจัดการเวลา การเป็นหัวหน้าที่ดี ต้องสามารถวางแผนและจัดการเวลาให้เหมาะสม รวมถึงการกำหนดลำดับความสำคัญในงานและการจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสม

  3. การสนับสนุนและพัฒนาทีม หัวหน้าที่มีsupervisory skill ต้องสามารถสนับสนุนและพัฒนาสมาชิกในทีมให้มีสมรรถนะและทักษะที่เพียงพอในการดำเนินงาน โดยให้การติดตาม การให้คำปรึกษา และการส่งเสริมให้สมาชิกพัฒนาเอง

  4. การแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจ การเป็นผู้กำกับที่มี supervisory skill ต้องสามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในทีม รวมถึงการตัดสินใจที่ถูกต้องและมีความเหมาะสมเพื่อให้งานดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

  5. ความเป็นผู้นำแบบก้าวหน้า Supervisory skillรวมถึงการเป็นแบบอย่างในการทำงาน และมีทัศนคติแบบก้าวหน้าในการพัฒนาตนเอง โดยเป็นผู้นำที่ให้แรงบันดาลใจและสร้างแรงจูงใจให้กับทีมของตนเอง

Supervisory skillเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นหัวหน้าที่มีผลสัมฤทธิ์และสามารถนำทีมสู่ความสำเร็จได้

การเตรียมความพร้อมสู่การเป็นหัวหน้างาน supervisory skill ต้องทำอย่างไร

การเตรียมความพร้อมสู่การเป็นหัวหน้างาน เป็นกระบวนการที่สำคัญเพื่อให้คุณเตรียมตัว และพัฒนาทักษะที่จำเป็นในบทบาทนี้ นี่คือขั้นตอนสำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นหัวหน้างาน ที่คุณสามารถทำตามได้ทันที

  1. ศึกษาและเข้าใจบทบาท การศึกษาและเข้าใจบทบาทของหัวหน้างานในองค์กร หรืออุตสาหกรรมที่คุณกำลังจะก้าวสู่การเป็นหัวหน้างาน เพื่อให้ทราบถึงความรับผิดชอบ หน้าที่ และคุณสมบัติที่จำเป็นต้องมีเพื่อใช้ในบทบาทนี้

  2. พัฒนาทักษะเชิงบุคลิก การเป็นหัวหน้างานต้องมีทักษะเชิงบุคลิกที่เหมาะสม เช่น การสื่อสารอย่างชัดเจน การฟังและเข้าใจผู้อื่น การสร้างความเชื่อมั่นและการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น การแก้ไขปัญหา และการจัดการกับการแข่งขันและความกดดัน

  3. เรียนรู้และพัฒนาทักษะทางธุรกิจ มีการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางธุรกิจที่สอดคล้องกับบทบาทหัวหน้างาน เช่น การวางแผนและจัดการทรัพยากร การบริหารโครงการ การวิเคราะห์ข้อมูล และการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล

  4. สร้างความคิดเป็นผู้นำ สร้างความคิดและทัศนคติที่เป็นผู้นำในการดำเนินงาน มีความรับผิดชอบและความมุ่งมั่นที่จะเติบโต และพัฒนาเป็นหัวหน้าที่ดีมากยิ่งขึ้น

  5. ฝึกฝนและนำมาประยุกต์ใช้ เข้าร่วมการฝึกฝนหรืออบรมเพื่อพัฒนา ทักษะหัวหน้างาน นอกจากนี้คุณยังสามารถฝึกฝนโดยการรับบทบาทหรือจัดทำโครงการที่ให้คุณได้มีโอกาสประยุกต์ทักษะและความรู้ในการเป็นหัวหน้างานจริง

  6. พัฒนามุมมองและความคิด พัฒนามุมมองและความคิดที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการเป็นหัวหน้างาน ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้จากประสบการณ์ การอ่านหนังสือ เรียนรู้จากผู้อื่น และการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

การเตรียมความพร้อมสู่การเป็นหัวหน้างาน เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ควรทำเป็นรายปีเพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ที่จำเป็นสำหรับบทบาทนี้ ความตั้งใจและความพยายามในการเตรียมตัวจะช่วยให้คุณเติบโตเป็นหัวหน้าที่มีประสิทธิภาพและสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้ในองค์กรของคุณ

ภาวะผู้นำ หมายถึง

supervisory skill ภาวะผู้นำ

ภาวะผู้นำ หมายถึง คุณลักษณะและความสามารถที่ทำให้บุคคลสามารถเป็นผู้นำได้ในบทบาทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในองค์กร ทีมงาน หรือสังคมอื่น ๆ ภาวะผู้นำเน้นไปการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ รวมถึงการมีผลกระทบที่ดีต่อผู้อื่น และสามารถแนะนำและสนับสนุนผู้อื่นให้พัฒนาและเติบโตขึ้นได้ 

ภาวะผู้นำมีลักษณะที่หลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น

  1. การมีวิสัยทัศน์ (Visionary) ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจนและสามารถนำทีมไปสู่เป้าหมายร่วมกัน

  2. ความเป็นผู้นำที่รับผิดชอบ (Accountability)  ผู้นำที่มีความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์และการกระทำของตนเองและทีม

  3. การสื่อสารและฟัง (Communication and Listening) ผู้นำที่เป็นผู้สื่อสารอย่างชัดเจนและมีความสามารถในการฟังและเข้าใจความคิดเห็นของผู้อื่น

  4. การสร้างทีม (Team Building) ผู้นำที่สามารถสร้างทีมที่มีความร่วมมือและมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายร่วมกัน

  5. ความก้าวหน้าและความรู้สึกผู้นำ (Progression and Empathy) ผู้นำที่มีความคิดสร้างสรรค์และความเข้าใจต่อสมาชิกในทีม

  6. การแก้ไขปัญหา (Problem Solving) ผู้นำที่มีความสามารถในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาอย่างมีเหตุผลและรอบคอบ

  7. ความเป็นแบบอย่าง (Role Model) ผู้นำที่เป็นแบบอย่างด้านการปฏิบัติงานและจิตใจ และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นได้

ภาวะผู้นำ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำแหน่งหรือระดับตำแหน่งเท่านั้น ใครก็สามารถพัฒนาภาวะผู้นำได้ และมันสามารถเรียนรู้และปรับปรุงได้ตลอดเวลา 

หน้าที่ของผู้นำ supervisory skill เมื่อได้รับตำแหน่งหัวหน้างาน

supervisory skill หน้าที่ของผู้นำ

เมื่อได้รับตำแหน่งหัวหน้างาน หน้าที่ของผู้นำมีหลายองค์ประกอบ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละองค์กร หน้าที่หลักของผู้นำเมื่อได้รับตำแหน่งหัวหน้างาน:

  1. วางแผนและกำหนดเป้าหมาย ผู้นำต้องวางแผนกิจกรรมและกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับทีมหรือองค์กร เพื่อให้สมาชิกในทีมมีแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินงาน

  2. สร้างทีมและบรรยากาศทำงานที่ดี ผู้นำต้องสร้างทีมที่มีความสามารถและเต็มใจที่จะทำงานร่วมกัน เข้าใจและสนับสนุนสมาชิกในทีม และสร้างบรรยากาศทำงานที่เต็มไปด้วยความสุขและความเชื่อมั่น

  3. สื่อสารอย่างชัดเจน ผู้นำต้องเป็นผู้สื่อสารอย่างชัดเจน ให้ข้อมูลและแนวทางให้ความเข้าใจแก่สมาชิกในทีม และเป็นช่องทางในการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากสมาชิกในทีม

  4. สร้างแรงบันดาลใจและสนับสนุน ผู้นำต้องสร้างแรงบันดาลใจและสนับสนุนสมาชิกในทีมให้มีความเชื่อมั่นและแรงจูงใจในการทำงาน โดยเป็นตัวอย่างในการทำงานอย่างมืออาชีพและครบถ้วน

  5. ติดตามและประเมินผล ผู้นำต้องติดตามการดำเนินงานของทีมและประเมินผลการทำงาน โดยให้คำแนะนำและการช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาหรือปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

  6. พัฒนาทักษะและความสามารถ ผู้นำต้องพัฒนาทักษะและความสามารถของตนเองเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสมาชิกในทีม และสามารถเป็นแหล่งกำเนิดความสามารถใหม่ ๆ และการพัฒนาสมาชิกในทีม

หัวหน้างานและผู้นำ แตกต่างกันอย่างไร

หัวหน้างานและผู้นำเป็นบทบาทที่แตกต่างกันอย่างมีความแตกต่าง เราสามารถสรุปความแตกต่างดังนี้:

หัวหน้างาน (Manager):

  1. บทบาท: หัวหน้างานมีบทบาทในการบริหารจัดการและควบคุมงานในระดับทีมหรือแผนก เขาจะรับผิดชอบในการกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจ วางแผน และกำหนดงบประมาณ เพื่อให้งานดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง

  2. การบริหารทรัพยากร: หัวหน้างานจะมีหน้าที่ในการจัดการทรัพยากรในทีม เช่น การจัดการบุคลากร การจัดสรรงบประมาณ และการใช้ทรัพยากรอื่นๆ เพื่อให้งานดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

  3. การตัดสินใจ: หัวหน้างานต้องตัดสินใจเกี่ยวกับงานและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทีม โดยใช้ข้อมูลและความเข้าใจเพื่อตอบสนองต่อความต้องการและเป้าหมายขององค์กร

ผู้นำ (Leader):

  1. บทบาท: ผู้นำมีบทบาทในการสร้างวิสัยทัศน์และทิศทางขององค์กร และสร้างแรงบันดาลใจให้กับสมาชิกในทีม พวกเขาเน้นการสร้างความเชื่อมั่นและสัมพันธ์ที่ดีในทีม

  2. การแนะนำและกำนัน: ผู้นำเป็นแหล่งแรงบันดาลใจและแนะนำสมาชิกในทีม พวกเขาช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาของสมาชิก

  3. การสร้างความเชื่อมั่นและทีมงาน: ผู้นำสร้างแรงบันดาลใจและความเชื่อมั่นในทีม พวกเขาสร้างทีมงานที่มีความสัมพันธ์ที่ดีและมีการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ 

ดังนั้น หัวหน้างานมีบทบาทในการบริหารจัดการงาน ในขณะที่ผู้นำมีบทบาทในการสร้างวิสัยทัศน์ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับสมาชิกในทีม อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในบทบาทของหัวหน้างานและผู้นำขึ้นอยู่กับบริบทและความเหมาะสมของแต่ละบทบาทในองค์กร 

หัวหน้างาน supervisory skill ที่จะเป็นผู้นำได้

supervisory skill

หัวหน้างานที่มีความสามารถและคุณสมบัติ ต่อไปนี้อาจมีโอกาสเป็นผู้นำได้:

  1. ความเข้าใจในวิสัยทัศน์และเป้าหมาย: หัวหน้างานที่มีความเข้าใจและให้ความสำคัญกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายขององค์กรจะสามารถนำทีมไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องได้

  2. การสื่อสารที่ดี: หัวหน้างานที่เป็นผู้นำจะต้องมีการสื่อสารที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติ เขาควรสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพและฟังความคิดเห็นของสมาชิกในทีม

  3. การสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจ: หัวหน้างานที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจให้กับสมาชิกในทีมจะช่วยสร้างทีมงานที่มีผลงานดีและความสำเร็จ

  4. การบริหารจัดการและการวางแผน: หัวหน้างานที่มีความสามารถในการบริหารจัดการและวางแผนจะสามารถนำทีมไปสู่ความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  5. การแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจ: หัวหน้างานที่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาและตัดสินใจอย่างมีเหตุผลและมีการพิจารณาข้อมูลจะช่วยให้ทีมมีการดำเนินงานไปในทิศทางที่ถูกต้อง

  6. ความยืดหยุ่นและเป็นแหล่งบุคลากร: หัวหน้างานที่มีความยืดหยุ่นและเป็นแหล่งบุคลากรจะสามารถทำงานร่วมกับทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความพึงพอใจในทีม

  7. การเป็นแบบอย่าง: หัวหน้างานที่เป็นผู้นำควรเป็นแบบอย่างที่ดีต่อทีม ด้วยการแสดงคุณธรรมและคุณค่าที่เชื่อถือได้

  8. การพัฒนาทีม: หัวหน้างานที่มีความรับผิดชอบในการพัฒนาทีมจะช่วยให้สมาชิกในทีมมีโอกาสเติบโตและพัฒนาทักษะในการทำงาน

  9. ความเป็นธรรมชาติในการประเมินและให้คำแนะนำ: หัวหน้างานที่เป็นผู้นำควรมีความเป็นธรรมชาติในการประเมินผลงานและให้คำแนะนำในทางที่สร้างสรรค์และสามารถใช้ประโยชน์ได้

  10. การบริหารเวลาและการจัดการสถานการณ์: หัวหน้างานที่เป็นผู้นำจะต้องมีความสามารถในการบริหารเวลาและจัดการสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทีม ทำให้งานดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ความแตกต่องระหว่างหัวหน้า กับ ผู้นำ

supervisory skill

ความแตกต่างระหว่างหัวหน้า (Manager) และผู้นำ (Leader) อยู่ในลักษณะการดำเนินบทบาทและการกระทำต่อทีมและผู้ในองค์กรในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้:

  1. บทบาทและส่วนที่รับผิดชอบ: หัวหน้า (Manager) มีบทบาทในการบริหารจัดการและควบคุมการดำเนินงาน ในขณะที่ผู้นำ (Leader) มีบทบาทในการสร้างวิสัยทัศน์และแรงบันดาลใจให้กับทีม

  2. การสั่งการและการชี้นำ: หัวหน้ามักมีการสั่งการและให้คำชี้นำเพื่อให้ทีมดำเนินงานตามแผน ในขณะที่ผู้นำมักใช้การแนะนำและการสร้างแรงบันดาลใจให้กับสมาชิกในทีม

  3. การใช้อำนาจ: หัวหน้ามักใช้อำนาจเพื่อควบคุมและบังคับใช้สิทธิ์และสั่งการในทีม ในขณะที่ผู้นำมักใช้อำนาจในการสร้างสภาวะและบรรยากาศที่ดีในทีม

  4. การกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์: หัวหน้ามักกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้ทีมบรรลุ ในขณะที่ผู้นำมักสร้างและกำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายสู่อนาคตขององค์กร

หากคุณกำลังมองหาหลักสูตรหลักสูตรsupervisory skill
สามารถเข้ารับการอบรมได้แบบออนไซต์ และออนไลน์
ติดต่อเราด่วน ที่ 033-166121

เป้าหมายของผู้นำต้อง SMART

supervisory skill
  1. Specific (มีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง) เป้าหมายควรจะระบุอย่างชัดเจนและเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ทุกคนในทีมเข้าใจและรู้ว่าต้องทำอะไร

  2. Measurable (สามารถวัดได้) เป้าหมายควรเป็นแบบที่สามารถวัดผลได้ โดยการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจนเพื่อตรวจสอบความก้าวหน้า

  3. Achievable (เป็นไปได้) เป้าหมายควรเป็นไปได้และเหมาะสมกับทรัพยากรและความสามารถของทีม โดยไม่เกินความสามารถที่มีอยู่

  4. Relevant (สอดคล้อง) เป้าหมายควรสอดคล้องกับวัตถุประสงค์หรือยุทธศาสตร์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวขององค์กร

  5. Time-bound (มีเวลากำหนด) เป้าหมายควรมีระยะเวลาที่กำหนดเพื่อเป็นกรอบเวลาในการดำเนินการ ซึ่งช่วยให้ทีมมีความสม่ำเสมอในการทำงาน

การตั้งเป้าหมายตามหลัก SMART ช่วยให้ผู้นำมีเป้าหมายที่ชัดเจนและแน่นอน และช่วยในการวางแผนและบริหารงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การมอบหมายงานอย่างมีประสิทธิภาพ คืออีกหนึ่งทักษะสำคัญของ หัวหน้างานsupervisory skill

การมอบหมายงานอย่างมีประสิทธิภาพเป็นหนึ่งในทักษะสำคัญของหัวหน้างานในการบริหารจัดการทีม โดยการมอบหมายงานที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถบรรลุเป้าหมายได้ตามที่กำหนด นี่คือสิ่งที่หัวหน้างานควรพิจารณาเมื่อมอบหมายงาน:

  1. ความชัดเจนในการสื่อสาร: หัวหน้างานควรให้คำสั่งหรือมอบหมายงานอย่างชัดเจนและเข้าใจได้โดยง่าย ควรระบุเป้าหมายที่ชัดเจน รายละเอียดงานที่ต้องทำ และเกณฑ์การประเมินผลลัพธ์

  2. การรับฟังและเข้าใจความต้องการ: หัวหน้างานควรให้ความสำคัญกับการฟังและเข้าใจความต้องการของทีม โดยพิจารณาความสามารถและความเหมาะสมของสมาชิกในการรับผิดชอบงาน

  3. การแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบ: หัวหน้างานควรแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบให้เหมาะสมและชัดเจน โดยพิจารณาทักษะและความเชี่ยวชาญของสมาชิก และให้การสนับสนุนที่จำเป็นในการดำเนินงาน

  4. การตรวจสอบและติดตามความก้าวหน้า: หัวหน้างานควรมีการตรวจสอบและติดตามความก้าวหน้าของงานที่มอบหมาย โดยให้คำแนะนำและการสนับสนุนที่จำเป็นเพื่อให้ทีมสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  5. การส่งเสริมและพัฒนาทักษะ: หัวหน้างานควรส่งเสริมและพัฒนาทักษะของสมาชิกในทีม เพื่อให้พวกเขาสามารถรับมือกับงานที่มอบหมายได้อย่างมีความสำเร็จ

  6. การให้คำติชมและการตอบรับ: หัวหน้างานควรให้คำติชมและตอบรับที่สอดคล้องและสม่ำเสมอ เพื่อส่งเสริมและบังคับให้ทีมมีผลงานที่ดีและเติบโตไปในทางที่ถูกต้อง


10 คุณสมบัติของหัวหน้างาน

supervisory skill

คุณสมบัติของหัวหน้างานสามารถแบ่งออกเป็นหลายด้าน ดังนี้:

  1. การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ หัวหน้างานควรมีความสามารถในการสื่อสารอย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถสื่อถึงวัตถุประสงค์และคำสั่งได้อย่างถูกต้องและเข้าใจ

  2. การเป็นแบบอย่างที่ดี หัวหน้างานควรเป็นแบบอย่างที่ดีต่อทีมงาน โดยมีความคุ้นเคยในการทำงานและสามารถแสดงความรับผิดชอบต่องานและทีมได้อย่างเหมาะสม

  3. ความเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ หัวหน้างานควรมีวิสัยทัศน์ชัดเจนและสามารถนำทีมไปสู่เป้าหมายร่วมกัน โดยสร้างแรงบันดาลใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกในทีม

  4. การวางแผนและบริหารจัดการ หัวหน้างานควรมีความสามารถในการวางแผนและบริหารจัดการทีมงาน โดยสามารถจัดทำแผนงานที่เหมาะสม และมีการจัดทำและการติดตามความก้าวหน้าให้กับทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  5. การสร้างทีมและบรรยากาศทำงานที่ดี หัวหน้างานควรสามารถสร้างทีมที่มีความร่วมมือและมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายร่วมกัน และสร้างบรรยากาศทำงานที่เต็มไปด้วยความสุขและความเชื่อมั่น

  6. การบริหารจัดการเวลา หัวหน้างานควรมีความสามารถในการจัดการเวลาและทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้การสำรวจและการประเมินความเสียหายและส่วนเสียสำหรับทีมงาน

  7. การแก้ไขปัญหา  หัวหน้างานควรมีความสามารถในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาอย่างมีเหตุผลและรอบคอบ เพื่อให้สามารถปรับปรุงกระบวนการและการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง

  8. การสนับสนุนและพัฒนาทีม หัวหน้างานควรสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาทีมให้มีความรู้และทักษะที่เพิ่มขึ้น เช่น ให้โอกาสเรียนรู้และฝึกอบรม และให้คำปรึกษาและคำแนะนำในการเติบโตและพัฒนาสมาชิกในทีม

  9. ความรับผิดชอบและความซื่อสัตย์: หัวหน้างานควรมีความรับผิดชอบต่องานและสมาชิกในทีม และมีความซื่อสัตย์และเป็นกลางในการดำเนินงาน

  10. การพัฒนาตนเอง หัวหน้างานควรมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงทักษะ และความรู้เพื่อตอบสนองความเปลี่ยนแปลงในสภาวะทำงานและอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

สถาบันฝึกอบรมและที่ปรึกษาทางด้าน
การบริหารทรัพยากรมนุษย์และองค์กร
บริการให้คำปรึกษาด้านระบบ ISO
แบบครบวงจร

ข่าวสารงาน HR ส่งตรงถึงคุณ

กรอกอีเมลเลยวันนี้เพื่อติดตามเรื่องราวสำหรับหัวหน้างานและสิทธิพิเศษจาก TOPPRO ได้ก่อนใคร